บูลลี่ กับ สิทธิมนุษยชน
Ep.4 บูลลี่ กับ สิทธิมนุษยชน
การบูลลี่มีมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เราทุกคนต่างกระทำสิ่งนี้ด้วย “ความเคยชิน” โดยตั้งแต่ยังเด็กก็มีการหยอกล้อหรือแกล้งกันตามประสาของเด็กที่ไร้เดียงสา พอโตมาอีกระดับหนึ่งที่เริ่มมีความรู้มากขึ้น ทำให้การบูลลี่นั้นค่อย ๆ รุนแรงขึ้นถึงขั้นทำให้เกิดการสูญเสีย แม้ว่ามันจะรุนแรงแค่ไหนเราต่างก็ทำมันเพราะคิดว่ามันสนุกและเคยชินกับมัน
ในด้านสิทธิมนุษยชน หากนำเรื่องของการบูลลี่มาเทียบกับปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน หรือ Universal Declaration Human Rights (UDHR) ซึ่งเป็นหลักสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน30 ข้อ ที่มีขึ้นเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของประชาชนทั่วโลก เราจะมองเห็นว่าการบูลลี่นั้นเป็นเรื่องของการละเมิดสิทธิของผู้อื่นได้ด้วยเช่นกัน
มาดูกันว่า การบูลลี่ได้ทำการละเมิดสิทธิในข้อไหนกันบ้าง (ตามหลักสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพนพื้นฐาน 30 ข้อนี้)
ข้อที่ 1 เราทุกคนเกิดมามีสิทธิ ศักดิ์ศรี เท่าเทียมกัน มีอิสระและเสมอภาค
ทุกคนต่างเกิดมาจากพื้นที่ที่แตกต่างกัน บางคนเกิดมาอยู่ในฐานะที่ดี แต่กับบางคนอาจจะเกิดมาอยู่ในฐานะที่ไม่ดีหรือสูญเสียสิ่งสำคัญไปตั้งแต่กำเนิด แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนมีเหมือนกันคือ “ความเป็นมนุษย์” ทุกคนล้วนอาศัยอยู่บนโลกร่วมกัน เพราะฉะนั้น ทุกคนล้วนมีสิทธิที่จะได้รับในสิ่งที่ต้องการ ทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับชีวิตที่ดีขึ้น ทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับการศึกษาที่เท่าเทียมกัน ทุกคนมีสิทธิที่จะเลือกอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี ทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับความเป็นธรรม ทุกคนมีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นต่อสิ่งที่ถูกต้อง และทุกคนมีสิทธิที่จะเลือกใช้ชีวิตของตัวเองได้โดยไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน
ข้อที่ 2 เราทุกคนต้องไม่ถูกเลือกปฏิบัติไม่ว่าจะเป็นเหตุผลใดก็ตาม
คนที่มีลักษณะที่แตกต่างจากคนอื่น เช่น คนที่มีความบกพร่องทางด้านร่างกาย คนที่มีบุคคลิกที่เป็นเอกลักษณ์ หรือมีทัศนคติที่ไม่เหมือนใคร ด้วยความที่พวกเขาแตกต่างจากบริบทสังคมอาจทำให้ผู้คนรอบข้างกีดกั้นโอกาสของพวก หรืออาจจะผลักพวกเขาให้อยู่ในสังคมอย่างโดดเดี่ยวเพียงแค่เพราะว่าพวกเขานั้นแตกต่าง พวกเขาควรจะมีสิทธิและเสรีภาพที่จะได้อยู่ร่วมกับคนอื่นๆในสังคม ดังนั้นเราควรที่เปิดใจในการยอมรับความแตกต่างของพวกเขาเพราะพวกเขาอาจจะสามารถเปลี่ยนแปลงสังคมไปในทิศทางที่เราคาดไม่ถึง
ข้อที่ 18 เราทุกคนมีเสรีภาพที่จะเลือกนับถือศาสนา
ในระดับของช่วงวัยเรียน จะเห็นชัดเจนเลยว่ามีการหยอกล้อกันเรื่องของศาสนาค่อนข้างเยอะพอสมควรเพราะเพราะด้วยหลักปฏิบัติที่แตกต่างกัน บางคนมองเป็นเรื่องสนุกและหยิบมาล้อกันโดยไม่คิดว่าจะเกิดปัญหาอะไร แต่สำหรับบางคน การเหยียดศาสนานั้นเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากสำหรับพวกเขา เพราะการที่ทุกคนมองว่าการปฏิบัติตามหลักศาสนาของเขาเป็นเรื่องตลกทำให้ผู้พวกเขารู้สึกไม่ดีแถมอาจจะพาลไม่ชอบคนที่มาว่าพวกเขาด้วย ดังนั้น ไม่ว่าใครจะนับถือศาสนาใดก็ตาม เราควรที่จะเคารพซึ่งกันและกันเพราะทุกคนต่างมีสิทธิที่จะนับถือไม่ว่าจะศาสนาใดก็ตาม
ข้อที่ 19 เราทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดเห็น
สิ่งหนึ่งสำหรับคนในประเทศไทยที่ยังคงมีกันน้อยอยู่ก็คือ “การแสดงออก” ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่กล้าหรือกลัว แต่เป็นเพราะสังคมรอบข้างทำให้พวกเขาไม่อยากนำเสนอหรือแสดงออกในสิ่งที่แตกต่างไปจากความรู้เดิมหรือบริบทสังคมเดิม พวกเขาถูกกีดกั้นทางความคิดเพียงแค่เพราะคนรอบข้างบอกว่ามันผิด หรือบางครั้งก็ถึงขั้นสั่งให้พวกเขาหยุดคิดและหยุดพูดในสิ่งที่พวกเขานำเสนอเพราะสังคมมองว่ามันเป็นเรื่องที่ “ไม่ถูกต้อง” ตามความคิดและความเชื่อของคนส่วนใหญ่ จึงถือว่าเป็นอีกอีกสิ่งหนึ่งที่พวกเขาถูกละเมิดไป อย่างไรก็ตามทุกคนมีสิทธิที่จะแสดงออกและแสดงความคิดเห็นตราบใดที่สิ่งเหล่านั้นไม่ได้เป็นการทำให้เกิดความเกลียดชัง (Hate Speech) หรือยุยงให้เกิดความแตกแยกในสังคม พวกเราควรที่จะรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างเพราะบางอย่างสามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตหรือชีวิตประจำวันของเราได้เลย
ข้อที่ 29 เราทุกคนมีหน้าที่ต่อส่วนรวมและเคารพสิทธิของผู้อื่น
เมื่อเรารู้ว่าตัวเราเองนั้นมีสิทธิและเสรีภาพบนโลกใบนี้ เราก็ต้องไม่ลืมที่จะเคารพสิทธิของผู้อื่นด้วยเช่นกัน บางครั้งเราใช้สิทธิและเสรีภาพมากเกินไปโดยที่ไม่สนใจว่าจะเป็นอย่างไร จนทำให้เข้าข่ายของการบูลลี่ที่ส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อผู้คนรอบข้างและละเมิดสิทธิของผู้อื่นได้ ดังนั้นเราควรใช้สิทธิและเสรีภาพของตนในขอบเขตที่พอเหมาะและสมควร
ในพระคริสต์ธรรมคัมภีร์ได้กล่าวไว้ว่า
“เราทำทุกสิ่งได้ แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งนั้นจะเป็นประโยชน์ เราทำทุกสิ่งได้ แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งนั้นทำให้เจริญขึ้น”
1 โครินธ์ 10:23
“โอ เยาวชน จงเปรมปรีดิ์ในวัยหนุ่มสาวของเจ้า และให้จิตใจของเจ้าทำตัวเจ้าให้ร่าเริงในวัยหนุ่มสาวของเจ้า เจ้าจงดำเนินชีวิตตามจิตใจของเจ้าและตามที่ตาของเจ้าเห็นควร แต่จงรู้เถิดว่าเพราะทุกอย่างเหล่านี้พระเจ้าจะทรงนำเจ้าเข้ามาถึงการพิพากษา“
ปัญญาจารย์ 11:9
เราอาจจะมีเสรีภาพที่จะทำอะไรก็ได้ แต่ต้องไม่ทำให้ผู้อื่นเสียหายหรือเจ็บปวด อย่าลืมว่าพระเจ้าทรงมองดูการกระทำของท่านอยู่ และท่านจะต้องรับผิดชอบทุกการกระทำของท่านต่อหน้าพระเจ้า
–ท่านจะเป็นผู้ถูกบลูลี่ พระเจ้าพร้อมที่จะเยียวยาจิตใจของท่าน
–หรือ ผู้ที่เคยบลูลี่ พระเจ้าพร้อมที่จะอภัยท่าน และช่วยเหลือท่านในการเปลี่ยนแปลง
เพียงแค่ท่านหันกลับมา กลับใจจากบาป และวางใจพระเยซูคริสต์ พระองค์พร้อมอยู่เสมอที่จะช่วยท่าน
พบกันต่อ Ep.5
สามารถพูดคุยกับเพิ่มเติมเราได้ที่ : https://www.facebook.com/knowgod.in.th/
ขอขอบคุณข้อมูลจาก www.amnesty.or.th
แชร์ไปที่ : Facebook , Twitter , Google Plus , Line
————————————————–
พระเจ้ามีจริง และพระองค์รักคุณ
มันอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่คุณจะเห็นได้อย่างชัดเจนในตอนนี้ แต่หากคุณได้เริ่มต้นแสวงหาพระเจ้าแล้ว พระองค์จะทรงเปิดเผยพระประสงค์ในชีวิตของคุณให้กับคุณได้รู้ พระองค์ต้องการช่วยคุณจริงๆ และในวันนี้ขอให้คุณได้เข้ามาหาพระองค์
สามารถพูดคุยกับเราเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.facebook.com/knowgod.in.th/